คนท้องทำฟันได้หรือไม่

  • #จัดฟัน
3
Read time: 9 minutes

Case Review

Before & After

สุขภาพฟัน เหงือก และช่องปากนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงระยะเวลาตั้งครรภ์ ทั้งนี้ คุณแม่หลายคนอาจจะกังวลใจว่า ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่นั้นสามารถทำฟันได้หรือไม่? ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเทใจไปทางไม่กล้า แล้วปล่อยปัญหาทิ้งไว้ จนสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้ในที่สุด

ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อให้คุณแม่และคุณพ่อทุกคนได้คำตอบที่ชัดเจนว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ทำฟันได้หรือไม่? เราจะพาไปไขข้อสงสัยให้ได้ความกระจ่างกัน

คุณแม่ตั้งครรภ์ทำฟันได้เพราะหากปล่อยเป็นโรคอันตรายอาจส่งผลร้ายทั้งต่อแม่และลูก

คุณแม่ตั้งครรภ์ทำฟันได้เพราะหากปล่อยเป็นโรคอันตรายอาจส่งผลร้ายทั้งต่อแม่และลูก

การปล่อยให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือสุขภาพในช่องปากมีปัญหาขณะที่ตั้งครรภ์นั้น ถือเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์โดยตรง เพราะความเจ็บปวดที่เกิดจากโรคในช่องปากจะทำให้อารมณ์ของคุณแม่แปรปรวน มีความเครียด ตลอดจนนำไปสู่การรับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จนทำให้ครรภ์อ่อนแอได้ง่ายกว่าปกติ

หรือหากมีการสะสมของเชื้อโรคในช่องปากที่มากเกินไป มีบาดแผลในช่องปากก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งจะยิ่งเป็นอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย ดังนั้น บทสรุปของคำถามที่ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ทำฟันได้หรือไม่ คำตอบก็คือทำได้ และควรทำด้วย ทั้งนี้ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำก่อนเสมอ ซึ่งสามารถเข้ารับบริการได้จาก dentist near me หรือคลินิกทันตกรรมที่มีบริการเฉพาะทางสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

คุณแม่ตั้งครรภ์ทำฟันได้แต่ต้องดูความเหมาะสมด้วยว่าที่ว่าได้นั้นคือทำอะไรได้บ้าง?

แม้จะบอกว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ทำฟันได้ แต่ในรายละเอียดแล้วแพทย์ก็จำเป็นจะต้องพิจารณาด้วยว่าเหมาะสม จำเป็น และสมควรทำเลยหรือไม่ หรือว่าสามารถรอเวลาได้ ยกตัวอย่างเช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ การจะถอนฟัน อุดฟัน รักษารากฟัน หรือรักษาเหงือกนั้น สามารถทำได้ แต่ก็อาจจะต้องดูเรื่องการใช้ยาชา การเอกซเรย์ ให้ปลอดภัยและเหมาะสมกับอายุครรภ์ของคุณแม่ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการรักษาอย่าง tooth filling, tooth cleaning, หรือการ tooth checkup ต้องได้รับการประเมินจากทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์

แต่หากการทำฟันหมายถึง การจัดฟัน การฟอกสีฟัน เพื่อความสวยงามเป็นหลักแล้ว แม้จะทำได้ไม่ได้ติดขัดอะไร แต่ก็ควรรอไปก่อน ให้คลอดก่อนค่อยทำจะดีที่สุด เพราะการจัดฟันก็ยิ่งทำให้ต้องเพิ่มการดูแลฟันให้ดียิ่งขึ้น ทำให้อาจมีความเสี่ยงตามมาได้ หรือการ tooth whitening นั้น แม้จะไม่ได้เป็นอันตราย แต่ถ้าอายุครรภ์มาก ๆ ท้องคุณแม่ขนาดใหญ่ ก็อาจทำให้เกิดความลำบากอึดอัดในขณะที่ทำหัตถการ หรือกลายเป็นการเดินทางมาทำฟันนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงในการประสบอุบัติเหตุต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้นั่นเอง

ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจทำฟัน ก็ควรคำนึงถึงความจำเป็นและความปลอดภัยเป็นสำคัญที่สุด ถ้าเป็นเรื่องที่รอได้ ก็ควรอดใจรอไว้ก่อนจะเป็นผลดีที่สุด

ตลอดอายุครรภ์จนคลอดช่วงเวลาไหนปลอดภัยที่สุดถ้าคุณแม่ต้องการทำฟัน

ถึงแม้ว่าในขณะตั้งครรภ์คุณแม่จะสามารถทำฟัน รักษาฟันได้ก็จริง แต่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ขั้นสุดนั้น ก็ควรเลือกระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำฟันด้วย โดยช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ ช่วงไหนเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับการทำฟัน สามารถดูแนวทางเพื่อนำไปปฏิบัติได้ ดังต่อไปนี้

1. ช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนแรกหลายคนอาจมองว่าช่วงระยะเวลาไตรมาสแรกนี้ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทำฟันมากที่สุด เพราะอายุครรภ์ยังไม่มาก ไม่น่าจะมีความเสี่ยงอะไรมากนัก แต่ในความเป็นจริงคือตรงกันข้าม กล่าวคือ ช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ถือเป็นช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงการทำฟัน เพราะครรภ์ยังอ่อนแอ การต้องเดินทางไปหาหมอฟันบ่อยๆ การต้องไปนั่งอุดอู้ทำฟันในห้องหัตถการอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อครรภ์ได้ และในช่วงนี้คุณแม่ส่วนใหญ่จะมีอาการแพ้ท้อง อาเจียนบ่อยๆ การทำฟันจึงอาจยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ท้องที่รุนแรงหนักขึ้นจนเสี่ยงอันตรายได้มากขึ้นเช่นกัน แต่ในช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงที่ต้องดูแลเอาใจใส่สุขภาพให้ดีเป็นพิเศษ เพราะอาการแพ้ท้องจะทำให้น้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรดในกระเพาะปนขึ้นมาสู่ช่องปากได้เมื่ออาเจียน ซึ่งน้ำย่อยนั้นสามารถทำลายผิวเคลือบฟันของคุณแม่ได้ ทำให้ฟันคุณแม่อ่อนแอและอ่อนไหวต่อการติดเชื้อได้ง่ายมากขึ้น

2. ช่วงอายุครรภ์ 4-6 เดือนถือเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำฟัน ไม่ว่าจะเป็น tooth cleaning, tooth checkup, tooth filling หรือการรักษาอื่นๆ เพราะครรภ์มีความแข็งแรงมากขึ้น คุณแม่ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการแพ้ท้องน้อยลง จึงถือว่าเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุดของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในท้องหากต้องการทำฟัน

3. ช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือนควรหลีกเลี่ยงการทำฟัน เพราะท้องมีขนาดใหญ่ และคุณแม่อาจรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องนั่งบนเก้าอี้ทำฟันเป็นเวลานาน หากไม่จำเป็นจริง ๆ ควรรอให้คลอดก่อนจึงค่อยทำ

อาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว อึดอัด และมีความลำบากในการต้องไปนั่งอยู่บนเตียงสำหรับทำฟันเป็นเวลานานๆ ยิ่งบางคนที่กลัวการทำฟันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความกังวลและความเครียดก็จะยิ่งมีมากขึ้นและเสี่ยงส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น ถ้าไม่ได้เป็นปัญหาเร่งด่วนจริงๆ ก็ควรเลื่อนระยะเวลาออกไป รอให้คลอดเรียบร้อยแล้วก็ยังไม่สาย

คุณแม่ตั้งครรภ์นั้นสามารถทำฟันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัญหาที่ต้องแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพในช่องปาก เช่น implant หรือ crown ก็ยิ่งควรจะต้องรีบรักษาให้หายดี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง คุณแม่ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกาย ตรวจสุขภาพในช่องปากตั้งแต่เมื่อเริ่มวางแผนว่าจะมีบุตร หรือทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ก็ควรรีบตรวจสุขภาพฟันก่อนเลยจะดีที่สุด

ทั้งนี้ ในระหว่างตั้งครรภ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มีอาการแพ้ท้อง จะทำให้คุณแม่มีความเสี่ยงเจอปัญหาในช่องปากได้ ทางที่ดีที่สุดในขณะตั้งครรภ์ จึงควรตรวจเช็กสุขภาพในช่องปากอย่างน้อย 1 ครั้ง พร้อมควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเหงือก ฟัน และช่องปากให้ดี หากพบอาการน่าสงสัยก็อย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที เพื่อสร้างความปลอดภัยและความอุ่นใจให้กับคุณแม่ได้อย่างเต็มที่ที่สุด

หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่เหมาะสม สำหรับคนท้อง หรือเป็น English speaking dental clinics in Bangkok เพื่อความสะดวกของคุณแม่ชาวต่างชาติ ก็สามารถค้นหา best dental clinic Thailand, dentists Thailand, หรือ foreigner friendly dentists in Thailand ได้เช่นกัน และสำหรับครอบครัวที่ต้องการการดูแลอย่างครบวงจร ก็สามารถเลือก family dentists in Thailand ที่มีบริการรองรับทุกวัย

สรุป

คุณแม่ตั้งครรภ์ทำฟันได้ไหม? สรุปครบทุกเรื่องที่ควรรู้ พร้อมแนะนำคลินิกทำฟันสำหรับครอบครัว

สุขภาพฟัน เหงือก และช่องปากในช่วงตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะปัญหาช่องปาก เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือการสะสมของเชื้อโรค อาจส่งผลกระทบทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้ เช่น ทำให้คุณแม่เครียด กินอาหารไม่ได้ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด

คำตอบชัดเจนคือ คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทำฟันได้ โดยเฉพาะหากมีปัญหาสุขภาพช่องปากที่จำเป็นต้องรักษา เช่น อุดฟัน (tooth filling), ขูดหินปูน (tooth cleaning), ถอนฟัน (tooth remove), ตรวจสุขภาพฟัน (tooth checkup), ครอบฟัน (crown), หรือแม้กระทั่ง ฝังรากฟัน (implant) หากเป็นกรณีเร่งด่วน โดยทั้งหมดนี้ควรทำภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์เท่านั้น

ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำฟันในขณะตั้งครรภ์คือ ไตรมาสที่ 2 (เดือนที่ 4-6) เพราะครรภ์เริ่มแข็งแรง อาการแพ้ท้องน้อยลง และคุณแม่รู้สึกสบายตัวมากขึ้น ส่วนไตรมาสแรก (1-3 เดือน) และไตรมาสสุดท้าย (7-9 เดือน) ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการเว้นแต่กรณีฉุกเฉิน

สำหรับหัตถการเพื่อความสวยงาม เช่น การฟอกสีฟัน (tooth whitening) หรือ จัดฟัน แนะนำให้รอหลังคลอดจะปลอดภัยและสะดวกกว่ามาก

Can Pregnant Women Get Dental Treatment? A Complete Guide with Family Dental Clinic Recommendations

Oral health — including the teeth, gums, and overall condition of the mouth — is something that should never be overlooked during pregnancy. Dental problems such as cavities, gum inflammation, or excessive bacterial buildup can affect not only the mother but also the developing baby. These issues can lead to stress, loss of appetite, poor sleep, and, in severe cases, infections that may enter the bloodstream.

The clear answer is that pregnant women can receive dental treatment — especially when there are oral health concerns that require attention. Procedures such as tooth filling, tooth cleaning, tooth removal, tooth checkups, dental crowns (crown), or even dental implants (implant) in urgent cases, are generally safe during pregnancy, provided they are done under the supervision of a qualified dentist.

The most appropriate time for dental treatment during pregnancy is the second trimester (months 4–6). At this stage, the pregnancy is usually stable, morning sickness tends to subside, and expectant mothers are more physically comfortable. On the other hand, the first trimester (months 1–3) and the last trimester (months 7–9) should be avoided for non-emergency procedures. During early pregnancy, the fetus is still developing and the body is adjusting, while in late pregnancy, the mother may feel physically uncomfortable, and there’s an increased risk of going into labor.

For non-essential or cosmetic procedures — such as tooth whitening or orthodontic treatments (braces) — it’s best to wait until after giving birth. While these treatments aren’t harmful per se, they are not urgent and may pose unnecessary stress or discomfort during pregnancy.



ติดต่อสอบถาม

เวลาทำการ

เปิดทุกวัน 10:00 - 20:00 PM

Caltex Station 72/5, 1 ถ. รามอินทรา มีนบุรี ในปั้มน้ำมันคาลเท็กซ์ รามอินทรา กม.14 อยู่ระหว่างซอยรามอินทรา 84และ86 เยื้องโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ กรุงเทพมหานคร 10510

© 2025 Doublesmiledentalclinic. All rights reserved.

Promotion Banner